รากฟันเทียม คืออะไร มีกี่ประเภท และมีขั้นตอนการทำยังไงบ้าง

รากฟันเทียม หรือรากเทียมเป็นทันตกรรมที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่ามีแค่คนที่อายุมากเท่านั้นที่ทำ และมองว่าเป็นสิ่งที่ไกลตัว แต่จริง ๆ แล้วรากฟันเทียมเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด หากอยากทำความรู้จักรากฟันเทียมให้มากยิ่งขึ้น ลองเข้ามาศึกษาจากข้อมูลที่เรารวบรวมมาฝากก่อนได้ คุณจะได้คำตอบว่ารากฟันเทียมคืออะไร? ถอนฟันนานแล้วใส่รากเทียมได้ไหม? มีประโยชน์อย่างไร โดยเราได้รวบรวมทุกประเด็นที่คนส่วนใหญ่อยากรู้มาฝาก สำหรับใครที่อยากไขข้อสงสัยก็ไปติดตามกันได้เลย

รากฟันเทียมคืออะไร ?

รากฟันเทียม หรือทันตกรรมรากฟัน (Dental implant) คือการแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแท้ โดยใช้วัสดุที่ทดแทนรากฟันซึ่งหลุดออกไป ลักษณะจะคล้ายบนอตหรือสกรู ทำการฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร จุดที่สูญเสียรากฟัน หลังจากนั้นก็จะทำการติดฟันปลอมเอาไว้แทนที่ฟันที่หายไป ส่วนใหญ่รากฟันเทียมจะใช้วัสดุ ที่ทำจากไทเทเนียม ซึ่งเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายและเสริมความแข็งแรงของฟันได้ และสามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้เหมือนกันฟันแท้ตามธรรมชาติ อ่านจบทุกคนคงได้คำตอบกันแล้วว่ารากฟันเทียมคืออะไร

ประเภทของรากฟันเทียม

สำหรับใครที่อยากรู้ว่ารากฟันเทียมมีกี่ประเภท เราได้รวบรวมประเภทของรากฟันเทียมมาฝาก ซึ่งมี 3 ประเภทดังนี้

  1. การฝังรากเทียมแบบธรรมดา (Conventional implant) คือ การฝังรากฟันเทียมที่สามารถทำได้ในผู้เข้ารับการรักษาที่ทำรากฟันซี่เดียวและหลายซี่ โดยขั้นตอนการรักษาจะมี 2 ช่วง ช่วงแรกเริ่มต้นด้วยการฝังรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูก และช่วงที่สองจะติดฟันปลอมเข้ากับรากฟันเทียม
  2. การฝังรากเทียมแบบทันที (Immediate implant) คือ การใส่รากฟันเทียมทันทีหลังจากที่ถอนฟันเสร็จ จากนั้นให้รอ 3 ถึง 6 เดือน เพื่อให้รากฟันยึดติดกับกระดูก แล้วจึงครอบฟันหรือทำสะพาน
  3. การเชื่อมต่อส่วนของฟันปลอม (Immediate loaded implant) คือ รากฟันเทียมที่เชื่อมต่อกับส่วนของฟันปลอม เช่น ครอบฟันชั่วคราว ครอบฟันถาวร เหมาะกับคนที่กระดูกขากรรไกรแข็งแรง

ส่วนประกอบของรากฟันเทียม

ส่วนประกอบมีท้ังหมด 3 ส่วน ดังนี้
1.Fixture (ส่วนรากฟัน): เป็นส่วนของสกรูไทเทเนียมที่ทันตแพทย์จะฝังลงในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่เหมือนรากฟันธรรมชาติเพื่อยึดรากฟันเทียมให้มั่นคง
2.Abutment (ส่วนแกนฟัน): คือส่วนที่เชื่อมต่อระหว่าง Fixture (รากฟันเทียม) กับ Crown (ตัวฟัน) ทำหน้าที่เป็นแกนรองรับครอบฟัน
3.Crown (ส่วนครอบฟัน): คือส่วนที่เรามองเห็นได้ในช่องปาก ทำจากเซรามิกที่มีสีและรูปร่างคล้ายฟันธรรมชาติ ทำให้รอยยิ้มของคุณกลับมาสวยงามอีกครั้ง

รากฟันเทียม แตกต่างจาก "สะพานฟัน" หรือ "ฟันปลอม" อย่างไร

รากฟันแบบเทียมกับสะพานฟัน หรือฟันปลอมยังไง ต้องบอกว่าทั้ง 2 อย่างนี้เป็นตัวเลือกที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ซึ่งจะมีรายละเอียดดังนี้

รากฟันเทียม: เป็นการรักษาที่ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด โดยทันตแพทย์จะทำการฝังรากฟันเทียมซึ่งทำจากไทเทเนียมลงในกระดูกขากรรไกรโดยตรง ทำให้ฟันใหม่มีความมั่นคงแข็งแรง ไม่ขยับเขยื้อน และสามารถใช้งานได้เหมือนฟันแท้ทุกประการ ทั้งการเคี้ยวอาหารและการพูด อีกทั้งยังช่วยป้องกันการละลายของกระดูกขากรรไกรในระยะยาว การดูแลรักษาก็ทำได้ง่ายเหมือนการดูแลฟันปกติทั่วไป

ฟันปลอมถอดได้: เป็นการรักษาที่นิยมมาอย่างยาวนาน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายไม่สูงและใช้เวลาทำไม่นาน อย่างไรก็ตาม ฟันปลอมถอดได้ประเภทนี้จะไม่ได้ยึดติดกับกระดูกขากรรไกร จึงอาจมีการขยับหรือหลวมได้ ทำให้ผู้ใช้งานอาจไม่สะดวกสบายเท่าที่ควร และประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารก็อาจไม่ดีเท่าฟันจริง นอกจากนี้ การใช้ฟันปลอมถอดได้เป็นเวลานานยังอาจทำให้กระดูกขากรรไกรค่อยๆ ละลายได้

รากฟันเทียมที่ Laposh Dental Clinic มีกี่แบบ?

ที่ Laposh Dental Clinic มีให้เลือกทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ได้แก่ Neo Biotech, Neodent และ Straumann ซึ่งถ้าอยากรู้ว่ารากฟันเทียมยี่ห้อไหนดี ส่วนนี้จะเป็นคำตอบ

ยี่ห้อ Neo Biotech

รากฟันเทียมจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและวัสดุคุณภาพสูง ทำให้รากฟันเทียม Neo Biotech มีความแข็งแรง ทนทาน และมีความสามารถในการยึดเกาะกระดูกได้ดี นอกจากนี้ยังมีราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรากฟันเทียมคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้

ยี่ห้อ NEODENT

NEODENT รากฟันเทียมคุณภาพจากบราซิล ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดดเด่นด้วยการออกแบบที่เน้นการยึดเกาะกับกระดูกขากรรไกรที่รวดเร็วและมั่นคง อีกทั้งยังมีขนาดและรูปทรงที่หลากหลาย ทำให้ทันตแพทย์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพช่องปากของแต่ละบุคคลได้อย่างลงตัว

ยี่ห้อ straumann

Straumann รากฟันเทียมระดับพรีเมียมจากสวิตเซอร์แลนด์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีรากฟันเทียมมาอย่างยาวนาน Straumann โดดเด่นด้วยนวัตกรรม วัสดุคุณภาพสูง และผลลัพธ์การรักษาที่ยอดเยี่ยม มีงานวิจัยทางคลินิกมากมายที่รับรองถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการรากฟันเทียมที่ดีที่สุด และให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การรักษาที่ดีในระยะยาว

ประโยชน์ของการใช้รากฟันเทียม

  • การฝังรากฟันเทียมที่ฟันหน้าจะช่วยทดแทนฟันที่ถูกถอนออกไป โดยที่ไม่กระทบกับฟันซี่อื่นที่อยู่ใกล้เคียง
  • ช่วยคืนรอยยิ้มของคุณให้กลับมาสดใสเหมือนที่เคยมี
  • ช่วยให้ฟันของคุณมีประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหาร เหมือนตอนที่มีฟันแท้อยู่
  • ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกที่อยู่ข้างเคียงได้
  • ช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปากที่ดี
  • การฝังรากฟันเทียมมีความคงทน และอยู่ได้ถาวร
  • ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อใส่สะพานฟัน

ใครบ้างที่ไม่ควรทำรากฟันเทียม

ใครที่สนใจอยากฝังรากฟันเทียม ควรจะเข้ามาศึกษาข้อห้ามในการทำรากฟันเทียมให้ดีก่อน ซึ่งมีข้อห้ามดังนี้

  • การทำรากฟันเทียมไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่กระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่
  • การทำรากฟันเทียมไม่เหมาะสำหรับผู้ที่สูบบุหรี่จัดมาก เนื่องจากจะมีภาวะเสี่ยงในการผ่าตัดแล้วเกิดปัญหาแผลติดเชื้อ
  • การรักษาฟันรูปแบบนี้ไม่เหมาะกับคนไข้ที่มีภาวะกระดูพรุน เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้การทำรากฟันเทียมไม่ประสบความสำเร็จ

การเตรียมตัวก่อนการฝังรากฟันเทียม

สำหรับการเตรียมตัวก่อนการฝังรากฟันเทียมจะมีหลายขั้นตอนที่ต้องวางแผนให้ดีก่อน เพราะเป็นเคสที่ต้องใช้ทันตแพทย์พิจารณาร่วมกันมากกว่า 1 คน โดยทีมทันตแพทย์จะเตรียมความพร้อมของผู้เข้ารับการฝังรากฟันเทียมดังนี้

  • ตรวจสภาพช่องปากอย่างครบวงจร โดยจะสร้างแบบจำลองช่องปากและขากรรไกร
  • ตรวจสอบประวัติสุขภาพของผู้เข้ารับการรักษา โดยสอบถามเกี่ยวกับโรคประจำตัว ยาที่ใช้เป็นประจำ อาหารเสริมที่ทานเป็นประจำ
  • วางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับการรักษาแต่ละคน
  • ผู้เข้ารับการรักษาต้องพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานยาประจำตัวให้เรียบร้อยก่อนทำการรากฟันเทียม

ขั้นตอนการติดตั้งรากฟันเทียม

  1. ผู้เข้ารับการรักษาพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียม โดยทันตแพทย์จะตรวจดูสภาพกระดูกและ X-ray ช่องปาก เพื่อที่จะวางแผนการรักษา
  2. ทันตแพทย์อธิบายขั้นตอนการรักษาและแจ้งค่าใช้จ่าย พร้อมนัดหมายวันฝังรากฟันเทียม
  3. เมื่อถึงวันฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะฝังภายใต้ยาชาแบบเฉพาะที่ โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะเย็บแผลและนัดตัดไหมอีก 1 อาทิตย์

การดูแลรักษาหลังการฝังรากฟันเทียม

การดูแลรักษาหลังการรากฟันเทียมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะถ้ายังอยู่ระหว่างการรักษา ต้องระมัดระวังแผลผ่าตัดให้ดีจนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการใส่รากฟันเทียม โดยวิธีการดูแลตัวเองหลังจากฝังรากฟันเทียม เพื่อป้องกันปัญหาหลังใส่รากฟันเทียม และยืดอายุการใช้งานของรากเทียมมีดังนี้

  • เลือกกินแต่อาหารอ่อน ๆ เพื่อไม่ให้กระทบกับบริเวณที่ผ่าตัดรากฟันเทียม
  • กินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด และยาปฏิชีวนะที่ทันตแพทย์แนะนำ
  • งดสูบบุหรี่ เนื่องจากการสูบบุหรี่จะทำให้แผลหายช้า และอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน

การใส่รากฟันเทียมเป็นทางเลือกสำหรับคนที่สูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติไป และอยากใส่ฟันทดแทนฟันแท้ที่มีความทนทานเหมือนเป็นฟันปกติ ถ้าหากใครสนใจอยากใส่รากฟันเทียม สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือปรึกษาเกี่ยวกับการใส่รากฟันเทียมกับทาง Posh Dental Clinic กันได้ เราพร้อมให้บริการเป็นอย่างดี เพื่อให้คุณแก้ไขปัญหาฟันและกลับมามีสุขภาพฟันที่แข็งแรง เผยรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจ

ค่าใช้จ่ายในการฝังรากฟันเทียมที่ La Posh Dental Clinic

ค่าใช้จ่ายในการทำรากฟันเทียมจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล รากฟันเทียม 1 ซี่ราคาเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

– จำนวนรากฟันเทียมที่ต้องการ

– ตำแหน่งของฟันที่ทำรากฟันเทียม

– ชนิดและยี่ห้อของรากฟันเทียม

– ความจำเป็นในการปลูกกระดูกหรือการรักษาอื่นๆ เพิ่มเติม

– แผนการรักษาเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนที่สุด ขอแนะนำให้นัดหมายเข้ามาปรึกษาและตรวจประเมินกับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราโดยตรง ทีมทันตแพทย์ของ La Posh Dental Clinic ยินดีให้คำแนะนำ ตอบทุกข้อสงสัย และวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับรอยยิ้มของคุณ

ที่ Laposh Dental Clinic รากฟันเทียมราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 40,000 บาท พร้อมใช้เทคโนโลยีแผลเล็ก ติดแน่น ใช้ชีวิตได้ตามปกติ

โปรโมชั่น รากฟันเทียม ที่ La Posh Dental Clinic

รากฟันเทียม ติดแน่น
รากฟันเทียม ไม่ต้องพักฟื้น

ทำไมต้อง La Posh Dental Clinic ?

เหตุผลที่ต้องเลือก La Posh Dental Clinic เพราะที่นี่ เรามีความพิเศษกว่าที่อื่นหลายประการ ดังนี้

ทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ทางด้านรากฟันเทียมโดยเฉพาะ

ทันตแพทย์ของเรามีประสบการณ์ด้านการทำรากฟันเทียมโดยเฉพาะ และมีการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การรักษาแม่นยำและปลอดภัยที่สุด ตั้งแต่ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยไปจนถึงการฝังรากเทียมและการติดตั้งครอบฟัน เราจึงสามารถแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ฟันที่ได้มาใหม่แข็งแรง ทนทาน และสวยงาม

รางวัล "เปลี่ยนธุรกิจด้วยนวัตกรรม" ยอดเยี่ยมแห่งปี

La Posh Dental Clinic ได้รับรางวัล "เปลี่ยนธุรกิจด้วยนวัตกรรม" ยอดเยี่ยมแห่งปี ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับธุรกิจหรือองค์กรที่มีการนำนวัตกรรมมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนากระบวนการทำงาน ผลิตภัณฑ์ หรือบริการของตนเองอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของคนไข้

เราใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา เช่น การใช้เครื่องสแกน 3 มิติเพื่อวางแผนการฝังรากเทียมได้อย่างแม่นยำ และการใช้นวัตกรรมเลเซอร์ที่ช่วยกระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้น ลดอาการเจ็บปวดและลดระยะเวลาพักฟื้นหลังการผ่าตัด ทำให้คุณกลับมาใช้งานฟันได้เร็วขึ้น เราเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด

คุณหมอให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและใส่ใจทุกเคส

คลินิกของเรา คุณหมอให้คำปรึกษาอย่างละเอียดและใส่ใจทุกเคส คนไข้ 1 คน จะให้เวลาประมาณ 30-45 นาที ในการสอบถามปัญหาอย่างละเอียด เพื่อประเมินตัวเลือกและวิธีการที่เหมาะสมสำหรับทำฟันของคนไข้แต่ละบุคคล

บรรยากาศผ่อนคลาย ลดความกังวลในการรักษา

อีกหนึ่งความน่ารักและเป็นจุดเด่นที่เราอยากหยิบยกมาพูดถึง คือ ห้องทำฟันของเราจะมีทั้งหมด 3 ห้อง ที่มีหัวใจหลัก คือ เมืองปารีส แต่กลิ่นอายการตกแต่งแต่ละห้องมีความแตกต่างกัน โดยห้องแรกจะเป็นห้องที่ชื่อว่า "Paris Wine Bar" เป็นห้องที่ตกแต่งด้วยไวน์ สไตล์หรูหรา เข้ามาแล้วรู้สึกถึงความสบาย ๆ และพูดคุยได้อย่างอิสระ ห้องต่อมาคือ "Café de croissant" ห้องที่อาจจะถูกใจเด็ก ๆ เป็นพิเศษ เพราะตกแต่งด้วยครัวซ็องจำลอง สีห้องสว่างสดใส เต็มไปด้วยความสนุกสนาน และห้องสุดท้าย "Le Salon Du" เป็นห้องจำลองร้านซาลอนในปารีส ที่จะยิ่งเป็นตัวตอกย้ำว่า เมื่อออกจากไปจากคลินิกของเรา คุณจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบแน่นอน

มีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง

โจทย์ของเรา คือ ต้องการสถานที่ ๆ มีพื้นที่จอดรถกว้างขวาง เพื่อรองรับลูกค้าอย่างเพียงพอ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมาที่ La Posh Dental Clinic คุณตัดความกังวลเรื่องที่จอดรถไปได้เลย เพราะเราได้จัดเตรียมสถานที่ไว้รอต้อนรับคุณแล้ว

สอบถามแพ็กเกจรากฟันเทียม

ทีมทันตแพทย์ของเรา​

ปรึกษาปัญหารากฟันเทียม

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฝังรากฟันเทียม

เพื่อให้คุณเข้าใจและคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำ รากฟันเทียม เราได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาไว้ที่นี่

การฝังรากฟันเทียมเจ็บหรือไม่?

หลายคนอาจมีความกังวลว่าการฝังรากฟันเทียมจะเจ็บปวด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ระหว่างการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ทันตแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ เพื่อให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดในขณะทำการรักษา ทำให้ความรู้สึกเจ็บระหว่างทำนั้นน้อยกว่าที่คิด หรือบางคนอาจรู้สึกเจ็บน้อยกว่าการถอนฟันด้วยซ้ำ

 

อาการหลังการผ่าตัด

เมื่อยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดหรือรู้สึกตึง ๆ บ้าง รวมถึงอาการบวมในบริเวณที่ทำการฝังรากฟันเทียม ซึ่งเป็นอาการปกติที่สามารถควบคุมได้ด้วยยาแก้ปวดที่ทันตแพทย์จ่ายให้ โดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นและทุเลาลงภายใน 1-2 วัน หรืออาจนานถึง 7-10 วันในบางกรณี หากมีการปลูกกระดูกร่วมด้วยอาจมีอาการปวดและบวมมากกว่าปกติเล็กน้อย ทั้งนี้ ความเจ็บปวดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย สุขภาพเหงือกและกระดูก รวมถึงความซับซ้อนของเคส และความชำนาญของทันตแพทย์

 

หากคุณมีความกังวลเรื่องความเจ็บปวด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับข้อมูล ประเมินสภาพช่องปาก และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคุณโดยเฉพาะ

ระยะเวลาที่ใช้ในการฝังรากฟันเทียมและการฟื้นตัวจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น จำนวนรากฟันเทียมที่ทำการฝัง ตำแหน่ง สภาพกระดูกและเหงือก รวมถึงเทคนิคที่ใช้ และการดูแลตนเองหลังการผ่าตัด

 

ระยะเวลาในการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม

โดยทั่วไป หากไม่มีการผ่าตัดอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น การปลูกกระดูก การผ่าตัดฝังรากฟันเทียมจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อราก

 

ระยะเวลาการฟื้นตัวและรอรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูก

– ช่วงพักฟื้นหลังผ่าตัด 

โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน ส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมปกติได้ภายใน 2-3 วัน แต่ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมาก หรือกีฬาหนัก ๆ ประมาณ 1-2 สัปดาห์

 

– การตัดไหม

ทันตแพทย์อาจนัดตัดไหมภายใน 7-14 วัน หลังการผ่าตัด

 

– การยึดติดของรากฟันเทียมกับกระดูก

หลังจากฝังรากฟันเทียมแล้ว จะต้องมีระยะเวลารอให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรอย่างสมบูรณ์ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 2-6 เดือน หรือในบางกรณีอาจนานกว่านั้น

 

– การทำครอบฟัน
เมื่อรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกดีแล้ว ทันตแพทย์จึงจะนัดมาทำพิมพ์ปากเพื่อทำครอบฟันหรือสะพานฟันต่อไป

 

การดูแลตนเองในช่วงฟื้นตัว

– ประคบเย็น ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด เพื่อช่วยลดอาการบวม

– รับประทานยา ตามที่ทันตแพทย์สั่ง เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ

– รับประทานอาหารอ่อน ในช่วงแรกหลังผ่าตัด เพื่อหลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนบริเวณแผล

– ทำความสะอาดช่องปาก บ้วนปากเบา ๆ ด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ และแปรงฟันตามปกติโดยระมัดระวังบริเวณที่ทำการผ่าตัด

– หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ลิ้นดุนแผล หรือการดูดน้ำด้วยหลอด ในช่วงแรหหลังผ่าตัด เพราะอาจส่งผลต่อการหายของแผลและการยึดติดของรากฟันเทียม

– พบทันตแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษาและตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ

 

สรุปแล้ว ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่การฝังรากฟันเทียมจนถึงการใส่ครอบฟัน อาจใช้เวลาไม่กี่เดือน ไปจนถึง 1 ปี ในบางกรณีอาจจะนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละบุคคล การวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและการดูแลตนเองอย่างดีจะช่วยให้ผลลัพธ์การรักษามีประสิทธิภาพและรากฟันเทียมสามารถใช้งานได้ยาวนาน

  • การทำรากฟันเทียมก็เหมือนการผ่าตัดอื่น ๆ ถึงจะปลอดภัยและส่วนใหญ่ผลลัพธ์ออกมาดี แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้บ้าง เช่น

     

    – อาการปวดและบวม

    เป็นอาการปกติที่พบได้หลังการผ่าตัด สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบตามที่ทันตแพทย์สั่ง รวมถึงการประคบเย็น อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ทุเลาลงภายในไม่กี่วัน

     

    – รอยช้ำ

    อาจเกิดรอยช้ำบริเวณผิวหนังหรือเหงือกใกล้เคียงบริเวณที่ทำการผ่าตัด ซึ่งจะค่อย ๆ จางหายไปเอง

     

    – เลือดออกเล็กน้อย 

    อาจมีเลือดซึมจากแผลผ่าตัดได้บ้างในช่วงแรกหลังการผ่าตัด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เช่น การกัดผ้าก๊อซเพื่อช่วยห้ามเลือด หากมีเลือดออกมากผิดปกติควรรีบติดต่อทันตแพทย์

     

    – อาการชา 

    อาจมีความรู้สึกชาบริเวณริมฝีปาก ลิ้น เหงือก หรือคางได้ชั่วคราว ซึ่งเกิดจากการกระทบกระเทือนเส้นประสาทในระหว่างการผ่าตัด โดยส่วนใหญ่อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไปเองภายในระยะเวลาหนึ่ง แต่หากอาการชายังคงอยู่นานผิดปกติ ควรแจ้งให้ทันตแพทย์ทราบ

     

    – การติดเชื้อ 

    แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็มีความเสี่ยงที่แผลผ่าตัดอาจเกิดการติดเชื้อได้หากดูแลความสะอาดไม่ดีพอ สัญญาณของการติดเชื้ออาจรวมถึงอาการปวด บวม แดงร้อน มีหนอง หรือมีไข้ การปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลแผลและรับประทานยาปฏิชีวนะ (หากทันตแพทย์สั่ง) จะช่วยลดความเสี่ยงนี้ได้

     

    – ปัญหาเกี่ยวกับไซนัส 

    ในกรณีที่ทำการฝังรากฟันเทียมบริเวณฟันบนด้านหลัง รากฟันเทียมอาจมีความเกี่ยวข้องกับโพรงไซนัสที่อยู่เหนือกระดูกขากรรไกรบน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาไซนัสได้ในบางกรณี ทันตแพทย์จะทำการประเมินและวางแผนการรักษาอย่างรอบคอบเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้

     

    – เกิดความล้มเหลวในการฝังรากฟันเทียม

    แม้จะมีอัตราความสำเร็จสูง แต่ก็มีโอกาสที่รากฟันเทียมจะไม่สามารถยึดติดกับกระดูกได้อย่างสมบูรณ์ หรือเกิดการโยกหลุดในภายหลังได้ 

     

    – การบาดเจ็บอื่น ๆ

    เช่น ฟันซี่ข้างเคียง หรือเส้นเลือดในระหว่างการผ่าตัด ซึ่งทันตแพทย์จะใช้ความระมัดระวังอย่างสูงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้

     

    สิ่งสำคัญคือการเลือกทำการรักษากับทันตแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฝังรากฟันเทียม รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ทั้งก่อนและหลังการผ่าตัดอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น หากมีอาการผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้น ควรรีบปรึกษาทันตแพทย์ทันที

หากคุณกำลังมองหาคลินิกทันตกรรมที่ให้บริการฝังรากฟันเทียมในย่านบางนา เพื่อทดแทนฟันที่สูญเสียไปและคืนรอยยิ้มที่มั่นใจกลับมาอีกครั้ง La Posh Dental Clinic คือหนึ่งในคลินิกทันตกรรมที่พร้อมให้บริการฝังรากฟันเทียมด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมในการให้คำปรึกษา วางแผนการรักษา และดำเนินการฝังรากฟันเทียมโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้คุณได้รับการรักษาที่ดีที่สุดและเหมาะสมกับความต้องการเฉพาะบุคคล

โดยทั่วไปแล้ว รากฟันเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากและสามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต หากได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาสุขอนามัยในช่องปาก, การมาตรวจสุขภาพฟันตามนัดอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพฤติกรรมการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากดูแลได้ดีและไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปากที่รุนแรง รากฟันเทียมก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและอยู่กับคุณไปได้ตลอด

รากฟันเทียมถูกออกแบบมาให้ทำหน้าที่ได้เหมือนฟันธรรมชาติทุกประการ ดังนั้นจึงสามารถดูแลได้ด้วยวิธีเดียวกับการดูแลฟันปกติ คือ การแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง, ใช้ไหมขัดฟันทุกวัน, และบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากเป็นประจำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อให้ทันตแพทย์ได้ตรวจเช็กและทำความสะอาดในจุดที่เข้าถึงยาก เพื่อให้รากฟันเทียมของคุณคงสภาพดีและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด

Scroll to Top